‘ฉันก็ยังจะบอกรักเธอ’ บทเพลงของคนที่เติบโตจากประสบการณ์แห่งความรัก และการระลึกถึงหนึ่งคนที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำ

ถือได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมค่ายที่อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นก่อตั้ง BOXX MUSIC แต่ซิงเกิล ‘ฉันยังจะบอกรักเธอ’ มีความพิเศษคือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ ‘ยักษ์ – อนันต์ ดาบเพ็ชรกรณ์’ ได้มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ ‘นัน – สุนันทา ยูรนิยม’

เคมีที่เข้ากันเป็นอย่างดีราวกับเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาของทั้งคู่ ทำให้ BOXX อยากเห็นผลงานที่มาจากความร่วมมือของพวกเขา หลังจากหยอกแซวกันถึงเรื่องผลฟุตบอลคืนก่อนหน้า ทั้งสองหันกลับมาจับมือกันพร้อมตกปากรับคำในที่สุด

การกลั่นกรองบทเรียนจากประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา และเวลาที่คอยเยียวยาบาดแผลครั้งเก่าคือที่มาของเพลงที่มีอารมณ์หวานปนเศร้าในความสัมพันธ์ที่ต้องจบลง แต่ทั้งคู่เลือกแล้วว่าจะส่งยิ้มให้กับความทรงจำเหล่านั้นด้วยความยินดี

สังเกตเห็นว่ายักษ์และนันสนิทสนมกันมาก สองพี่น้องนี้ถูกคอในเรื่องอะไรกันเป็นพิเศษ
ยักษ์:
เราคุยเรื่องฟุตบอลกันบ่อย

นัน: พี่ยักษ์เป็นเด็กหงส์ ส่วนนันเป็นเด็กผี ก็จะมีการแซวกันตลอดเวลา อย่างแมตช์ไหนทีมของใครแพ้ก็จะโดนแล้ว และนอกจากเรื่องบอล สิ่งที่ทำให้เรายิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีก ก็คือเรื่องที่พี่ยักษ์ชอบพาไปดูสาว

ยักษ์: อ้าว แล้วทำไมแกไม่ห้าม

นัน: ก็ชอบเหมือนกัน (หัวเราะ)

ยักษ์: เราชอบแซวกันเรื่องพวกนี้แหละครับ แต่ก็คือแค่แซวขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ที่ทำให้สนิทกันมากขึ้นคือ เวลามีปัญหาหรือมีเรื่องความรักเมื่อไหร่ นันจะชอบมาพูดคุยกับผม

เพราะยักษ์เป็นที่ปรึกษาที่ดีในเรื่องความรักใช่มั้ย
ยักษ์:
ต้องเรียกว่าให้คำปรึกษาซึ่งกันและกันมากกว่า แล้วเราก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผยเรื่องนี้ เรามีความรู้สึกอย่างไรก็มักจะแชร์ให้กับเขาได้รับฟัง เพราะในการทำงานของ BOXX MUSIC ที่มีลักษณะของการเป็นครอบครัว เราจึงมักจะมีกิจกรรมหลายๆ อย่างนอกเหนือจากเรื่องดนตรี เพื่อให้เกิดการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ให้ความสนิทสนมและความไว้วางใจกัน

นัน: สเต็ปของเขาเหมือนใช้ชีวิตมามากกว่า โตกว่า น่าจะผ่านความสัมพันธ์มาเยอะ พอนันไปเล่าให้ฟัง ก็มักจะได้คำปรึกษาที่ดีจากคนที่เคยเดินผ่านในจุดที่เรายืนอยู่มาก่อน

ยักษ์: แน่นอนว่าใช้ชีวิตมาขนาดนี้เราย่อมผ่านความสัมพันธ์มาหลากหลายรูปแบบ อาจไม่สามารถพูดได้ว่าครบทั้งหมด แต่เราเจอคนมาเยอะ ตั้งแต่รักแบบปั๊บปี้เลิฟ มีความสุขมากๆ หรือรักที่ผิดหวังขั้นรุนแรง รักที่อาจจะเรียกได้ว่าแปลก รักแบบมีการชิงรักหักสวาท มีการหักหลังเหมือนอย่างในละครก็เคยเจอมาแล้ว แต่ด้วยความที่ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่ก็จะมองประสบการณ์ที่ผ่านมาอีกแบบหนึ่ง มองว่ารักสามารถเป็นทั้งไฟและน้ำ เราเลือกได้ว่าจะให้รักเราเป็นอะไร รักเป็นไฟที่ให้ความอบอุ่นในเวลาที่เรารู้สึกหนาว หรือรักที่เป็นน้ำมาดับไฟเวลาที่เรารู้สึกร้อนมากๆ หรือว่ารักจะกลายเป็นไฟที่มาโหมเวลาที่เราร้อนให้กลายเป็นยิ่งร้อนขึ้นไปอีก หรือรักที่เย็นเหมือนน้ำแข็งในเวลาที่เราหนาวให้หนาวยิ่งขึ้นไปอีก

การเป็นพี่ใหญ่ผู้ให้คำปรึกษาหรือช่วยเยียวยาบาดแผลแก่น้องส่งผลให้การทำงานเพลงร่วมกันง่ายขึ้นไหม
ยักษ์:
ด้วยความที่ทุกเพลงของนันมีเราอยู่ในฐานะหนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์และเขียนเพลงให้อยู่แล้ว เพลงนี้จึงเป็นเหมือนกับอีกก้าวหนึ่งของเราและนัน ส่วนกระบวนการทำงานผมก็เริ่มต้นคุยกับทางทีม ทั้งในเรื่องของการตลาดและระยะเวลาในการทำงาน คอนเทนต์ที่นันควรจะสื่อสาร ซึ่งหลักๆ คือการผสมผสานกับระหว่างการคิดว่า ณ ตอนนี้นันควรพูดเรื่องอะไร สไตล์ของดนตรีในชั่วโมงนี้ควรเป็นแบบไหน นันชอบมั้ย ถ้าไม่ชอบเราก็เอากลับมาปรับแก้ไขให้ถูกใจ จะว่าไปมันก็เป็นลักษณะของการทำงานแบบ ‘เลือกตัดชุดให้เหมาะกับนัน’

นัน: ด้วยความที่เราสบายใจที่จะได้ทำงานกับพี่ยักษ์ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ที่เราสนิทสนมเป็นทุนเดิม พอได้ยินว่าจะได้มาทำซิงเกิลนี้ด้วยกัน เราเลยรู้สึกรีแลกซ์ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ให้โจทย์ที่ท้าทายกับเรามาก็คือ เราเติบโตมากับยุคที่การร้องเพลงต้องชัดทุกถ้อยคำ ทุกอย่างต้องเคลียร์ทั้งเนื้อร้องและจังหวะ แต่พี่ยักษ์อยากให้เปลี่ยนวิธีการร้องโดยให้เราดึงแอตติจูดมาใช้ในเพลงมากขึ้น ไม่ต้องโฟกัสเรื่องความเป๊ะมาก แต่ให้ใช้อารมณ์ในการร้องให้มากขึ้น

“พี่ยักษ์เปลี่ยนวิธีการร้องให้เราดึงแอตติจูดมาใช้ในเพลง
ไม่ต้องโฟกัสเรื่องความเป๊ะมาก
แต่ให้ใช้อารมณ์ในการร้องให้มากขึ้น”

เนื้อหาของเพลงก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่คนร้องเติบโต
และยอมรับกับความรักที่ไม่สมหวังได้มากขึ้น เป็นเพราะยักษ์มองเห็นอะไรในตัวนัน
ยักษ์:
ทุกๆ เพลงที่ผ่านมาของนันจะเป็นเพลงของคนที่เสียใจหนักๆ ไม่เข้าใจกับความรัก จนมาถึงจุดที่เรารู้สึกว่า เอ๊ะ! นันแบกภาระของคนที่มีความเสียใจมากเกินไปหรือเปล่า เราลองปรับโทนเขาลงให้มีมุมมองที่รีแลกซ์กับความรักบ้างจะดีไหม ประกอบกับการที่เราสังเกตเห็นว่าคนสมัยนี้มีมุมมองต่อเรื่องความรักค่อนข้างจะไม่ได้หนักมาก ไม่มีฝนตก หรือทุบกระจกแบบสมัยก่อน คำพูดคำจาก็ดูรีแลกซ์ลง ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ เราต้องศึกษามุมมองเกี่ยวกับความรักภายในตัวเขาเพิ่มเติม จนพบว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกเลยทีเดียว

นัน: เป็นคนรักเดียวใจเดียว

ยักษ์: ก็เพราะว่าได้สิ่งดีๆ จากผมไป (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกครับคือ อย่างที่บอกว่าการที่เราพยายามตัดชุดให้เขา เราต้องฟังและให้ความเคารพกับความคิดของเขาให้มากๆ ถ้าชอบก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่ชอบก็แก้ไข แล้วโชคดีด้วยที่เพลงนี้ได้ THE TOYS (ธันวา บุญสูงเนิน) มาช่วยเขียนให้ โดยที่เราเป็นคนบอกโจทย์ที่ต้องการไป

นัน: เราชอบเพลงของ THE TOYS และรู้สึกว่าเซนส์ทางด้านดนตรีของเขาดี เมโลดี้มีความเก่าผสมใหม่ หรือมีความเป็นยุค 90 ก็ว่าได้ แล้วพอได้ลองฟังซิงเกิลฉันก็ยังจะบอกรักเธอ โดยที่มีเขาร้องไกด์มา รู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ชอบตั้งแต่แรกที่ได้ฟังเลย

…สุดท้ายแล้วมันคือความคิดถึงคนๆ หนึ่ง
ซึ่งยังไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเรา…

เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงสิ่งที่ใกล้เคียงกับความรักในช่วงเวลาไหนของนันมากที่สุด
นัน:
ในวันที่เราร้องเพลงนี้ครั้งแรกๆ ก็ยังคุยกับพี่ยักษ์ว่า เพลงนี้มันเศร้าหรือเปล่านะ เหมือนเรายังไม่ค่อยเก็ตอารมณ์เท่าไหร่ พอคุยไปเรื่อยๆ ก็พอเข้าใจว่า จะมองให้เศร้าก็ได้ หรือจะมองให้ไม่เศร้า ให้ยิ้มก็ยังได้แต่คงไม่ใช่ยิ้มแบบชื่นบาน สุดท้ายแล้วมันคือความคิดถึงคนๆ หนึ่งซึ่งยังไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเรา สำหรับนันในการที่เราจะเล่าเรื่องในเพลงทุกเพลง จะมีผู้หญิงอยู่แค่คนเดียวที่เรานึกถึง ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากเราหรือเวลาที่ไปร้องคาราโอเกะก็จะต้องเป็นคนๆ นี้เสมอ เป็นคนที่อาจจะไม่ใช่คนในปัจจุบันของเรา แต่เคยเป็นคนที่ทำให้เรายิ้มมีความสุขสุดๆ ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราได้อยู่กับความเศร้าที่แท้จริง ก็เลยคิดว่า ในการร้องเพลงทุกครั้งเราจะยึดคนๆ นี้เอาไว้แล้วใส่พลังไปกับเพลงๆ นั้น

ยักษ์: เราเห็นว่านันเป็นคนเซนซิทีฟมาก สมมติมีระดับ 1-5  เราให้ 5 เลย เขาถึงเล่าได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก ยิ่งเป็นรักที่ไม่สมหวัง เขาจะแน่มากในเรื่องนี้

อาการของนันเวลาเจอรักที่ไม่สมหวังจะเป็นอย่างไร
นัน:
โห เวลามีจังหวะให้พังนี่สามารถกดปุ่มพังได้ตลอด เราเคยรู้สึกกับคนๆ นี้มากๆ เหมือนแน่ใจว่าคนนี้แน่นอนที่สุดแล้ว และก่อนหน้านี้เราอาจจะออกแนวเห็นแก่ตัวหน่อยๆ ด้วยมั้ง คิดว่าต่อให้คบกันไป 3 เดือนหรือต่อให้เป็น 10 ปีก็ตาม วันหนึ่งถ้าจะเลิกกันมันต้องเริ่มจากเราก่อนสิ หมายความว่าคนที่เสียใจกว่าต้องไม่ใช่เรา แต่ ณ วันที่เจอเรื่องเขา เราเปลี่ยนเลย เหมือนคนโดนเซอร์ไพรซ์กลับมาแรงๆ กลายเป็นว่ารอบนี้เขาดันเป็นคนที่เลิกรักเราก่อน ทั้งที่เคสนี้เราพุ่งสุดตัว ทุ่มเททุกอย่าง สิ่งที่ย้อนกลับมาจึงทำให้เราช็อคถึงกับต้องใช้คำว่า ยอมรับความจริงไม่ได้ไปเลย

“หลายคนจะคิดว่าปั๊บปี้เลิฟคือรักเล่นๆ
แต่สำหรับเรามันคือรักฝังใจ
เพราะมันอยู่ลึกลงไปในใต้สุดของลิ้นชัก
คนแทบจะไม่เคยเปิดไปถึงมันเลย
ตอนที่เจ็บและทำใจจึงยากมาก”

ใช้เวลานานแค่ไหนก่อนจะยอมรับความจริงและสามารถที่จะรู้สึกดีกับความรักที่ไม่สมหวัง
นัน:
นานมาก 3, 4 หรือ 5 ปีไม่รู้ ไม่กล้านับเลย ใช้เวลาพอๆ กับตอนที่เราแอบชอบเขามา 5-6 ปี ได้คบกันในช่วงเรียนมัธยม จะเรียกว่าเป็นปั๊บปี้เลิฟก็ว่าได้ หลายคนจะคิดว่าปั๊บปี้เลิฟคือรักเล่นๆ แต่สำหรับเรามันคือรักฝังใจ เพราะมันอยู่ลึกลงไปในใต้สุดของลิ้นชัก คนแทบจะไม่เคยเปิดไปถึงมันเลย ตอนที่เจ็บและทำใจจึงยากมาก กว่าจะกลับมาเป็นคุยกันได้นี่คือเรียนจบแยกย้ายกันไปแล้ว แต่เมื่อเราสามารถทำใจยอมรับจนเป็นเพื่อนกับเขาได้จริงๆ จากคนที่เราเคยคิดถึงเขามากๆ เศร้ามากๆ แต่ในวันนี้กลายเป็นคนละคนไปแล้ว เราคิดถึงเขาในฐานะเพื่อน ความทรงจำก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ดี โดยที่เราสามารถนำมาใช้เป็นอินเนอร์ในการทำงานได้ อย่างน้อยเราก็เคยได้รักคนๆ หนึ่งจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นรักที่ไม่สมหวังก็ตาม

…ความรักของหนุ่มสาวยุคนี้มันรวดเร็วทุกอย่าง
รักเร็ว เลิกเร็ว หวานเร็ว เจ็บเร็ว…

แล้วสำหรับยักษ์ในฐานะของคนที่เคยผ่านประสบการณ์ความรักมาหลากหลายรูปแบบ
มองความรักของคนหนุ่มสาวยุคนี้อย่างไร
ยักษ์:
เราว่ามันรวดเร็วทุกอย่าง รักเร็ว เลิกเร็ว หวานเร็ว เจ็บเร็ว พอทุกอย่างมันเร็วก็เลยเหมือนกับว่าหลายเรื่องมันไม่ได้ผ่านการพิจารณา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะ ก็มีหลายคู่ที่รักกันเร็วแล้วอยู่กันไปนานๆ แต่เราก็จะเห็นว่ามีอีกหลายคู่ที่เร็วเกินไปหน่อย ใจเราคงอยากบอกให้เขาช้าลงอีกนิดก็ได้ บางที 2 วันก็บอกรักกันได้แล้ว

นัน: ด้วยเทคโนโลยีด้วยที่ทำให้ความรักหนุ่มสาวไปไวมาก ถ้าพูดในแง่ดีก็คือสะดวกรวดเร็ว แต่อีกด้านหนึ่งคือมันอาจจะไม่ลึกซึ้ง

ยักษ์: เดี๋ยวนี้ความรักมันผ่านตัวหนังสือซะเป็นส่วนใหญ่ แทบไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน แต่จะตัดสินกันที่ตัวหนังสือซึ่งมีอยู่มากมายเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเวลาจะทำความเข้าใจกับความคิดของคนหนุ่มสาวสมัยนี้ ผมชอบอ่านเรื่องที่เขาเอามาลงในเว็บไซต์ต่างๆ อย่างพวกคำคม นิยาย ซีรีส์ต่างๆ ที่ฮิตกัน เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่า อ๋อ สมัยนี้วัยรุ่นเขารักกันแบบนี้นะ แต่ในที่สุดเวลาคนเราเจ็บปวดกับความรัก ผมว่าอาการก็เป็นเหมือนกันหมดนั่นแหละ เพียงแต่ว่ายุคนี้อาจจะมีเครื่องในการช่วยเยียวยาให้หายได้เร็วขึ้น อย่างเวลาผิดหวัง แค่เราเปิดโทรศัพท์มาอ่านพวกเพจขำๆ ก็ช่วยให้เราหายเจ็บลงไปได้บ้าง

“ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง เราโดนเขาหักอก
แต่ในหลายๆ ครั้ง เราก็ไปหักอกคนอื่นเหมือนๆ กัน”

แล้วอาการเวลาคนเข้าใจโลกมากๆ อย่างคุณอกหักจะเป็นแบบไหน
ยักษ์:
ธรรมชาติของเราไม่ใช่คนที่จะฟูมฟายหรือบ้าบอนะ ที่ผ่านมาเราเห็นเพื่อนจากผู้ชายไว้ผมยาว พออกหักก็ตัดผม หรือว่าทำลายข้าวของต่างๆ นั้น เรานี่ตรงข้ามเลยคือจะเป็นประเภทนิ่งคิดอยู่กับตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วก็เออ ตลกดีกว่า เราหัวเราะทั้งๆ ที่กำลังร้องให้อยู่ คือรู้สึกว่าก็เศร้าแต่เราขอหัวเราะกับมันได้ไหม เคยโดนหักอกแบบแรงมากๆ เขาทิ้งเราไปในวันที่เราต้องการเขามากที่สุด เราก็ร้องไห้ไปแต่พออยู่กับเพื่อนปุ๊บ เออ แม่งขำว่ะ ทำกับกูแบบนี้ได้ยังไงวะ มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ ซึ่งก็คล้ายๆ นันที่ว่า ในเพลงบางเพลงที่เราเขียนถ้าหากเป็นเพลงที่มาจากประสบการณ์ของเรา เราก็มักจะนึกถึงคนๆ นี้ แต่จะเป็นในแง่ของความเข้าใจ ไม่ใช่แต่งเพลงเศร้าเพื่อไปว่าเขา แต่เราคิดว่าในเพลงเศร้าของเราก็ควรจะให้เกียรติเขาด้วย ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง เราโดนเขาหักอกแต่ในหลายๆ ครั้งเราก็ไปหักอกคนอื่นเหมือนๆ กัน

” มีอยู่ 3 อย่างที่ทำให้ความรักต้องจบลง คือ
เขาไม่รักเรา เราไม่รักเขา และเราตายจากกันเท่านั้นเอง ”

หลังจากร้องเพลง ‘ฉันก็ยังจะบอกรักเธอ’ ได้แล้วสามารถบอกได้มั้ยว่า ถ้าเกิดผิดหวังเสียใจ
เราจะกลับไปฟูมฟายแบบเมื่อก่อนอีกครั้ง
นัน:
ในความเป็นเรา เราก็คงฟูมฟายเหมือนเดิม รับไม่ได้เหมือนเดิมแหละ แต่ระยะเวลาในการทำใจมันคงเร็วขึ้น ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่ฉันจะไม่คุยกับแก 5 ปี ส่วนหนึ่งเพราะว่าเราได้เข้าใจความรักมากขึ้น คือมีอยู่ 3 อย่างที่ทำให้ความรักต้องจบลง คือ เขาไม่รักเรา เราไม่รักเขา และเราตายจากกันเท่านั้นเอง

ยักษ์: เรารู้สึกว่าเราต้องใจเย็น ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พูด ทุกอย่างมันเคลียร์ได้ สมัยก่อนที่เรายังอารมณ์ร้อน เราทำความผิดพลาดมาก็มี แต่ยิ่งโตขึ้นมาก็จะยิ่งรู้ว่า นอกจากรักเขาแล้ว เรายังต้องรักอีกหลายอย่าง รักตัวเอง รักครอบครัว รักโลก พอเราพิจารณาเห็นแล้วว่า มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นส่วนประกอบของชีวิตเราแล้ว จะพบว่ามีอะไรให้เรารักได้อีกเยอะแยะ รักได้แม้กระทั่งศัตรูด้วยซ้ำ ถ้าเราหยุดพิจารณา เราจะสามารถหาข้อดีของความรักและมองเห็นสวยงามและข้อดีของมันเสมอ

***

ขอบคุณสถานที่สวยๆ จาก

www.facebook.com/fillintheblank.decor

Scroll to Top