ปรัชญาชีวิตกับมิสบีน

บีน – นภสร ชัยพรเรืองเดช ศิลปินสาวแห่งค่าย Boxx music เจ้าของซิงเกิลที่ได้ใจคนแอบรักไปเต็มๆ กับเพลง รอฟังคำนั้น วันนี้เราชวนบีนมาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ตั้งแต่เรื่องเพลง หนัง ทัศนคติของคำว่า ‘เด็กสมัยนี้’ รวมไปถึงคุณค่าในชีวิต คำตอบของนักศึกษาวิชาปรัชญาคนนี้คือสิ่งสะท้อนตัวตนของเธอในวัย 22 ปี เชื่อว่าหลายคนตกหลุมรักเสียงของเธอไปแล้ว เราเลยอยากชวนให้มาตกหลุมรักกับตัวตนของสาวคนนี้ดูบ้าง ผ่านการสนทนาครั้งนี้

เรียนวิชาปรัชญาให้อะไรกับเราบ้าง
เราเรียนแล้วมันใช้ได้ทุกวันเลย มันทำให้เราเป็นคนที่คิดก่อนที่จะตอบ นำมาใช้กับเรื่องร้องเพลงได้ ทำให้เราเข้าใจเนื้อเพลงได้ลึกซึ้งกว่าเดิม อ่านเนื้อเพลงแล้วตีความได้ลึกซึ้งขึ้น

ชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนไหน
ตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ เมื่อก่อนที่บ้านเปิดร้านทำกับข้าวแล้วมีคาราโอเกะ เป็นแบบตู้หยอดเหรียญตู้ใหญ่ๆ แบบนั้นเลย มันก็พัฒนาต่อมาเป็นเครื่องคอมพ์ เราก็ซึมซับการร้องเพลงจากตรงนั้นมา เวลาที่แขกยังไม่เข้าร้านบีนกับน้องกับพ่อก็จะชอบร้องเพลงกัน

ตอนนั้นร้องเพลงแนวไหนกัน
ร้องทั่วไปเลยค่ะ แต่เพลงที่ตรงมากๆ ก็คือเพลงนอกสายตา ของพี่แคทรียา อิงลิช เป็นเพลงที่พ่อจะชอบคีย์ให้บีนกับน้องร้องด้วยกันอยู่เสมอ จริงๆ เพราะเพลงนี้เลยที่เป็นจุดเริ่มต้นที่เรารู้สึกว่าอยากเรียนร้องเพลง หลังจากนั้นแม่ก็พาบีนไปเรียนร้องเพลงตอน 10 ขวบ แต่พอเรียนไปสักระยะนึงเราก็จะรู้แล้วว่ามันถึงจุดอิ่มตัวในการเรียนแล้ว เราก็ไปหาประสบการณ์ข้างนอก บีนก็ประกวดร้องเพลงมาเรื่อย ๆ ทั้ง The voice, The winner

บีนชอบฟังเพลงแนวไหน
สมัยก่อนก็นอกสายตา มาสมัยประกวดบีนก็จะไม่เลือกร้องเพลงที่มันดีว่าจ๋าๆ เพราะตัวเราไม่ใช่แนวนั้น จริงๆ ชอบป็อปทั่วไปเลยค่ะ พวกนีโอโซล อาร์แอนด์บีก็ชอบ อย่าง Amy Winehouse, Lianne La Havas, Jill Scott กลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ชอบบีทแบบอาร์แอนด์บี เราก็ไปศึกษาว่าแบบนี้มันเรียกว่าอะไร ทำไมเราถึงชอบ ก็ไปดูประวัติเค้าดู หรือจะเป็นอะคูสติกไปเลยก็ชอบเหมือนกัน Damien Rice ก็ชอบมาก ช่วงนี้จะฟังเพลงสากลเยอะหน่อย ฟังบีทเค้า เมโลดี้เค้า ก็ดูเนื้อเพลงฝรั่งบ้าง ว่าถ้าอยากถ่ายทอดเป็นเพลงไทยจะทำยังไง เพราะตอนนี้บีนก็เริ่มเขียนเพลงเองแล้ว

ถ้าไปถามเพื่อนสนิทบีนว่าบีนเป็นไง คิดว่าเพื่อนจะตอบยังไง
เดี๋ยวนาน ๆ ไปก็รู้ (หัวเราะ) มันต้องตอบแบบนี้แน่ คือส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเค้าจะแบบ หูย น่ารักจังเลย ต้องนิสัยหวานๆ แน่ๆ ส่วนเพื่อนก็จะบอกว่าเดี๋ยวมึงรอๆ เดี๋ยวก็รู้ ต้องมาเห็นเอง เดี๋ยวก็จะรู้ว่าความเป็นบีนมันเป็นไง คือนิสัยของบีนไม่ใช่นิสัยผู้หญิงจ๋าอยู่แล้ว ก็มีความแมนๆ ความซนๆ ก้าวร้าวนิดๆ อยู่

ช่วงนี้สนใจอะไรอยู่บ้าง
ตอนนี้มีอยู่ 2 อย่าง คือกล้องฟิล์มกับคีย์บอร์ด กล้องฟิล์มนี่ก็ชอบคือบีนมีอยู่ตัวนึงแล้วไปไหนก็พกไปด้วยแต่ไม่ได้รู้เรื่องฟิล์มอะไรมากนะ แค่ชอบถ่ายเฉยๆ ส่วนคีย์บอร์ดนี่ก็เพิ่งซื้อมาเลยเพราะเราตั้งใจว่าจะจริงจังกับการแต่งเพลงแล้ว อยากแต่งเพลงของตัวเองได้ ก็ควรจะเล่นดนตรีเป็นสักหน่อย ไม่ใช่ไปลอบเมโลดี้คนอื่นมามันไม่ได้นะ แล้วพอเราเป็นนักร้องการเล่นคีย์บอร์ดมันทำให้เราเห็นทุกโน้ตได้ง่ายกว่าเครื่องดนตรีอื่น

ชีวิตหลังจากเป็นศิลปินเปลี่ยนไปไหม
ที่เห็นชัดๆ ก็เป็นเรื่องการเล่นโซเชี่ยลมีเดีย ที่เราต้องหมั่นดู หมั่นอัพเดทอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้คนที่ติดตามเราเค้ารู้ ปกติเราเป็นสายส่องไม่ใช่สายอัพ แปลกไหม จริงๆ คนวัยบีนส่วนมากเค้าจะชอบเล่นทวิตเตอร์กัน ติดกันมาก แต่บีนไม่ได้เล่นเลย เล่นแต่ IG เพราะเรารู้สึกว่าชอบทำอย่างอื่นมากกว่า บีนชอบดูหนัง ฟังเพลง ดูไลฟ์คอนเสิร์ตมากกว่า ปาร์ตี้ก็มีไปบ้างแต่บีนกับเพื่อนจะคนละแนว เพื่อนจะสายตื๊ด EDM แบบสมัยนี้จริงๆ

คิดว่าเป็นไงเด็กสมัยนี้
ฟังแล้วมันดูแย่เนอะ แต่บีนว่ามันไม่ได้แย่ มันคือยุคบีน แต่คิดว่ามันเป็นยุคที่เสพดนตรีสดน้อยลง คนเสพความเป็นแบรนด์น้อยลง เพราะเท่าที่สังเกตเค้าจะชอบเสียงสังเคราะห์กัน ส่วนเรื่องชีวิตยุคบีนก็คงจะชิล์มากไปหน่อย ไม่ค่อยเอาไรมาก ส่วนใหญ่จะมีมุมมองว่าใช้วันนี้ให้มีความสุขดีกว่า แต่บีนคิดว่าการมีเป้าหมายในชีวิตก็สำคัญ มันทำให้เราโตขึ้นไปเรื่อยๆ พอไม่มีจุดมุ่งหมายชีวิตก็ไม่ได้ก้าวไป การมีจุดมุ่งหมายก็ทำให้เราก้าวไปในที่ที่เราลองไปดูได้ แล้วก็ทำให้รู้จักคนที่อยู่ระหว่างทางที่จะพาเราให้ไปสู่จุดหมายนั้นได้ มันก็ทำให้เรารู้จักคนเยอะขึ้น รู้จักโลกเยอะขึ้น พอไม่ลองมีเป้าหมายสักอันนึงชีวิตมันก็อยู่ตรงนั้นแหละ

ตอนนี้เป้าหมายของบีนคืออะไร
คือการแต่งเพลงได้ ทำเพลงได้ หาความเป็นตัวเองมากที่สุด แต่งเพลงได้สักเพลงนึง หลังจากนั้นก็ก้าวไปมีอีพีของตัวเอง มีคอนเสิร์ตของตัวเอง ไม่อยากวางไว้สูงมากเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้ ก็คิดแหละว่าวันนึงต้องมีคอนเสิร์ตของตัวเอง

แสดงว่าเราจริงจังกับการร้องเพลงเป็นอาชีพหลักเลยรึเปล่า
ตอนนี้เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะว่าเราโตมากับการร้องเพลง ทำอย่างอื่นก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหมและอยากทำเท่าร้องเพลงรึเปล่า

คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตบีนคืออะไร
ครอบครัวเลยค่ะ บีนเป็นคนไม่ค่อยให้อะไรตัวเองมาก ครอบครัวบีนพี่น้องเยอะ แม่บีนป่วย พ่อเสีย ก็ต้องดิ้นรนตั้งแต่เด็ก กลายเป็นว่าเราให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่า เลยไม่ได้มองว่าตัวเองต้องเป็นที่หนึ่ง เลยอยากให้ครอบครัวสบายก่อน ความสุขของตัวเองค่อยรองลงมา แต่บีนก็รู้สึกโชคดีนะ มีคนเคยบอกว่าชีวิตที่ลำบากคือเป็นชีวิตที่มีคุณค่า

ถ้าให้บีนนึกย้อนกลับไป ตลอด 22 ปีที่ผ่านมา สิ่งไหนที่มีคุณค่ากับเราที่สุด สิ่งนี้นึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ทำให้เรารู้สึกดีและก้าวต่อไปข้างหน้าได้
อืม…คงคิดถึงความแฮปปี้ของเรา บีนชอบตอนที่ตัวเองสดใส มันทำให้คนรอบข้างมันรู้สึกดีไปด้วย ไม่ชอบตอนที่ตัวเองดาร์กๆ เพราะมันทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอยู่ด้วย เลยรู้สึกว่าความสดใสของตัวเองนี่แหละทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับเราไปด้วย

ในฐานะนักศึกษาวิชาปรัชญา บีนวัย 22 กำลังตั้งคำถามอะไรกับชีวิตตัวเองบ้าง
บีนก็คิดอยู่ว่าที่จริงแล้วตัวเองอยากทำอะไรกันแน่อยู่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าเราชอบมันจริงๆ รึเปล่า นักร้องเนี่ย หรือว่าเราแค่โตมากับการร้องเพลงแล้วเราทำมันได้ แต่ให้ถามตอนนี้วันนี้เราก็รู้สึกว่าเราชอบการร้องเพลงอยู่ดีนะ แค่ไม่รู้ว่าการร้องเพลงมันจะพาเราไปสู่จุดไหนในภาพอนาคตของเรา มันก็เลยยังเป็นคำถามอยู่ อีกอย่างที่อยากรู้ก็คือถ้าคนที่เค้าชอบเรา เค้าจะชอบเราจากอะไร ชอบเพราะว่าหน้าตาเราจิ้มลิ้มงี้เหรอ ไม่เอานะ (หัวเราะ)


หนัง 3 เรื่องที่บีนแนะนำ


Blue valentine

บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้อาจเป็นหนุ่มที่สาวๆหลายคนชื่นชอบ และบีนก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับของ Ryan Gosling หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ได้สวยงามเหมือนในฝัน การใช้ชีวิตจริงอาจไม่งดงามเหมือนภาพตอนแรกที่เราวาดเอาไว้ ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงตอนจบเราจะเห็นทุกรสชาติของความรัก ทั้งสองนักแสดงสามารถแสดงบทบาทให้เราเข้าถึงได้เป็นอย่างดี บวกกับมุมกล้องและสีของหนังเรื่องยิ่งทำให้สะท้อนอารมณ์ออกมาได้อย่างลงตัว


Her

หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บีนชอบมาก ในเรื่องเต็มไปด้วยอารมณ์ของความเหงา บทบาทของนักแสดงที่สามารถแสดงออกมาได้อย่างดีโดยผ่านบทสนทนาของคนสองคนที่ทำให้เราสามารถจินตนาการตามไปได้อย่างลงตัว อีกทั้งเพลงThe Moon Songยังออกมาในซีนที่ใช่ ดนตรีกับฉากที่สะท้อนอารมณ์สามารถเข้ากันได้อย่างดี ทำให้เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงซาวแทรคที่บีนชอบมากๆ


The royal Tenenbaums

Wes Anderson เป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่บีนชื่นชอบ หนังของเขาทุกเรื่องจะเป็นไปในโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์มาก และหนังเรื่องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีสีสันสดใสอีกทั้งเรื่อราวในหนังก็เป็นไปอย่างกลมกลืนกัน มุมกล้องและภาพที่ออกมาจึงทำให้บีนสนุกกับการดูเพิ่มไปมากยิ่งขึ้น

***

*ขอบคุณร้าน Cloudney Cafe&bar สำหรับสถานที่

Scroll to Top