ถึงวันนี้แฟนๆ อิ้งค์ วรันธร คงได้ดูเอ็มวีตัวล่าสุด ‘ความลับมีในโลก’ กันแล้ว สิ่งที่ทุกคนน่าจะเห็นพ้องต้องกัน โดยเฉพาะสาวๆ ก็คือลุคอิ้งค์ที่แปลกตาไปจาก EP Blliss และพระเอกหล่อม้าก
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเอ็มวีเพลงนี้ที่ได้ผู้กำกับเป็นสาวเท่อย่าง กุ๊ก ธนีดา หาญทวีวัฒนา มาเป็นคนถ่ายทอดความลับ สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นชื่อของกุ๊ก ไม่ต้องงงไป เพราะผลงานของเธอนั้นต้องผ่านตาและเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนแน่ๆ กุ๊กเป็นคนเขียนบทซีรี่ย์ฮอร์โมน เขียนบทหนังร้อยล้านอย่าง ฉลาดเกมส์โกง เธอเป็นผู้กำกับซีรี่ย์ ‘Project S the Series’ เรื่อง Shoot! I Love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ และตอนนี้เริ่มที่จะสนุกกับการเขียนบทเอ็มวีต่างๆ เรียกได้ว่างานเล่าเรื่องเป็นงานถนัดของเธอ
มาดูกันว่าเบื้องหลังการทำงานแบบสาวๆ กับเรื่องความลับที่ลับบ้าง ไม่ลับบ้าง กับการกลับมาในลุคใหม่ของอิ้งค์จะเป็นยังไง แอบบอกว่าอิ้งค์ได้ลั่นความลับบางอย่างไว้ด้วย จงตามไปอ่าน
พูดถึงความลับนึกถึงอะไรขึ้นมาอย่างแรกในหัว ?
อิ้งค์ : คือความไม่กล้าบอกใครมั้ง แต่จริงๆ อิ้งค์เป็นคนไม่มีความลับหรอก ไม่มีเรื่องไหนที่อิ้งค์เก็บไว้คนเดียวเลย ยังไงก็ต้องบอกเพื่อน เพื่อที่จะระบายออกมา
กุ๊ก : จริงๆ ก็จะคล้ายๆ อิ้งค์ พอคุยกันแล้วก็รู้สึกว่ามีความคล้ายกันอยู่ คือเราเป็นคนไม่มีความลับของตัวเอง เป็นคนไม่เนียนเหมือนกัน แต่ถ้าคนอื่นบอกเราเราเก็บได้นะ เราเลยรู้สึกว่าความลับคือการไว้ใจมั้ง คงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น
แต่ละคนเป็นคนเก็บความลับได้นานไหม ?
กุ๊ก : ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นเราเก็บได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองเราไม่มีเกราะป้องกันเท่าไหร่ บางทีก็ไหลๆ มาเอง พูดๆ แล้วก็เอ้า หลุดมาแล้ว
อิ้งค์ : ของคนอื่นถ้าเป็นเรื่องซีเรียสจริงๆ เก็บได้ แต่ถ้าเป็นงานเซอร์ไพรส์ที่ต้องมีความลับเป็นคนที่ไม่เคยเก็บอะไรได้ เป็นคนที่จะตื่นเต้นมากกับการเซอร์ไพรส์ เพื่อนจับได้ตลอด ล่าสุดมีเพื่อนขอแต่งงานกัน ผู้ชายจะขอแต่งงาน 3ทุ่ม เค้านัดกินข้าวกันตั้งแต่ 6 โมงเย็นเพราะเป็นปาร์ตี้วันเกิด อิ้งค์ก็โอเคงั้นเราไป 6 โมงเย็นด้วย เพื่อนไม่ให้ไป ให้เราไป 2 ทุ่มครึ่ง เพราะถ้าอิ้งค์ไปตั้งแต่ 6 โมงเย็นก็จะหลุดตั้งแต่ตอนนั้น (หัวเราะ)
ย้อนกลับมาหน่อยทั้ง 2 คนนี้รู้จักกันตอนไหน ?
อิ้งค์ : อิ้งค์เคยดูซีรีส์ที่พี่กุ๊ก เคยดูฉลาดเกมส์โกงที่พี่กุ๊กเขียนบท แล้วก็เห็นผ่านไอจีก็รู้สึกว่าพี่กุ๊กเป็นผู้หญิงเท่มากสำหรับตัวเรา ซึ่งตัวเราไม่ได้เท่ขนาดนั้น
กุ๊ก : เราก็ไม่ได้เท่อ่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ก็รู้จักอิ้งค์ผ่านสื่อ ผ่านเพลง ผ่านการแสดง ไม่เคยได้คุยกันเป็นการส่วนตัว
อิ้งค์ : ก็พี่กุ๊กเท่อ่ะ ก็เลยคุยกับพี่กัส (กัษมา เรืองงาม-ครีเอทีฟ) พี่กัสก็อยากได้ผู้กำกับที่เป็นผู้หญิง เพราะเอ็มวีที่ผ่านมาเพลงเกี่ยวกันไหม ได้พี่วรรณพี่แวว (วรรณแวว – แวววรรณ หงส์วิวัฒน์) มาเป็นผู้กำกับแล้วพี่เค้าทำงานละเอียดมาก เราก็ชอบการทำงานมาก รวมกับการตีความของเราในแบบที่ผู้หญิงตีความ แล้วผู้หญิงมาดูเอ็มวีแล้วรู้สึกตามไปได้ เรารู้สึกอยากได้ฟีลประมาณนั้นอีก แล้วเพลงใหม่มันมีความเท่เข้ามาก็เลยคิดว่าพี่กุ๊กน่าจะทำได้ พี่กุ๊กเค้ามีความเท่ที่น่าจะนำมาใส่งานเราแล้วเราเท่ขึ้นได้
กัส : ตอนนั้นกัสกับอิ้งค์ก็มีคนในใจแล้วว่าเป็นพี่กุ๊กนี่แหละ แต่ก็ทักไปหาพี่วรรณว่ามีผู้กำกับคนไหนแนะนำไหม แกก็บอกพี่กุ๊กไง แสดงว่าผู้หญิงคิดตรงกันแล้วเพราะฉะนั้นก็เป็นใครไม่ได้แล้ว ต้องเป็นพี่กุ๊กล่ะ
ตอนนั้นกัสมาชวนยังไง ?
กุ๊ก : กัสก็มาชวนให้ทำเอ็มวี ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ของอิ้งค์ด้วย ตอนนั้นเราทำงานอยู่หลายอย่าง เลยใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่นานเหมือนกัน เพราะกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี ปกติเราไม่เคยกำกับเอ็มวีมาก่อน ตัวนี้เป็นตัวที่ 2 เอง ตัวแรกเราทำเพลง เสียง ของ The Yers ซึ่งใช้เวลากับการกำกับนานมาก ฟังเพลงอยู่หลายเดือนมาก เพลงนี้เราเลยอยากใช้เวลาในการฟังเพลงแล้วขอคิดก่อน เพราะถ้าฟังเพลงแล้วคิดไม่ออกก็จะแย่นะ ก็ไม่อยากทำออกมาไม่ดี
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ?
กุ๊ก : รู้สึกชอบนะ ชอบในตัวดนตรี ก่อนหน้านี้ฟังเพลงอิ้งค์มาตลอดมันจะมีความสดใส ความกรุ้งกริ้งอะไรอยู่ แต่เพลงนี้มันมีความเป็นกลางคืนขึ้น รู้สึกว่าตัวน้องมีเลเยอร์มากขึ้น แต่สิ่งที่ติดเนี่ย ก็คือความลับมันคืออะไร เราไม่เข้าใจอ่ะ เราไม่เข้าใจว่าความลับที่อยากบอกให้เขารู้แต่ไม่กล้าบอกเนี่ยมันคืออะไร ยังไงก็คิดไม่ออก ก็เลยนั่งตกตะกอนกับเพลงนี้อยู่นานพอสมควร แต่ก็รู้สึกว่ายังไงเราก็อยากทำเพลงนี้เลยรับปากไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาช่วยกันคิดว่าอิ้งค์มีมองมุมมองยังไง
ตอนนั้นทำงานกันยังไง ?
กุ๊ก : มีนัดคุยกันกับอิ้งค์ เพราะว่าเรารู้จักอิ้งค์ผ่านสื่อที่เขาให้สัมภาษณ์ เราจะเห็นอิ้งค์ตอนร้องเพลง อิ้งค์ตอนเล่นดนตรี อิ้งค์ตอนเล่นหนัง อิ้งค์ตอนอยู่บนเวที อิ้งค์ตอนให้สัมภาษณ์กับสื่อ คือเขามีแต่ละมุมที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพอมีหลายมุมเราเองก็จับเขาได้ไม่ชัดว่าลุคใหม่ที่จะออกมาสู่ภายนอก เราควรจะดึงเขาออกมาให้เป็นภาพแบบไหนให้คนเข้าใจความเป็นตัวเขาชัดขึ้นแต่ไม่ทิ้งความเป็นตัวตนของเขาจริงๆ ด้วย และก็ทำให้คนเห็นด้วยว่าตัวตนจริงๆ
พอได้คุยแล้วเป็นยังไงบ้าง ?
กุ๊ก : วันแรกคุยกันเรื่องเพลงเยอะไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ก็ถามว่าทำไมถึงเป็นเพลงนี้ เพลงนี้แต่งออกมาด้วยความรู้สึกยังไง อยากได้เอ็มวีประมาณไหน แล้วเราก็กลับมาคิดต่อว่าเราจะเล่าเรื่องแบบไหน หลังจากนั้นก็นัดคุยกันอีกรอบเพื่อที่จะได้คุยได้เม้าท์กันไปเรื่อยๆ ทำความรู้จักกันมากขึ้น ซึ่งพอได้คุยกับอิ้งค์จริงๆ แล้ว ก็พบว่าตัวตนทั้งหมดที่เราเห็นมานั้นแหละคือตัวตนเค้าหมดเลย แต่มันมีมุมที่เราไม่เคยเห็นอีกเยอะมาก ก็เลยสนุกที่ได้ทำงานกับอิ้งค์
จำได้ไหมว่าคุยอะไรกันบ้าง ?
อิ้งค์ : อิ้งค์ก็เล่าความรักทั้งหมดของอิ้งค์ หรือการแอบรักทั้งหมดให้พี่กุ๊กฟัง ก็คุยหมดเลย
กุ๊ก : คุยหมด ก็ถามไปเรื่อยๆ อันไหนอิ้งค์เล่าได้ก็เล่านะ อันไหนเล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่รู้ว่าอารมณ์แอบรักมันเป็นยังไงเพราะเวลาเราชอบใครแล้วเราก็บอกเลย ซึ่งถ้าเราฟังเพลงแล้วกลับมาตีความเองมันก็จะกลายเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของอิ้งค์ มันก็ต้องหาบาลานซ์ ต้องทำงานผสานกัน
ถึงวันนี้แล้ว สรุปว่าความลับที่อยากบอกให้เขารู้แต่ไม่กล้าบอกสำหรับกุ๊กในเอ็มวีนี้มันคืออะไร ?
กุ๊ก : เคยเห็นที่อิ้งค์เขียน มันเป็นการแอบรักของผู้หญิงขี้เก๊กเป็นมู้ดประมาณนั้น ฉันอยากให้เธอรู้นะ แต่ฉันจะไม่บอกเธอหรอก แต่ถ้าเธอรู้จากที่อื่นก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เหมือนถ้าเธอรู้จากที่อื่นซึ่งมันอาจจะหลุดจากตัวฉันเองก็ได้นะ แต่แค่ฉันไม่พูดกับเธอ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นอะไรก็ได้แค่ฉันไม่พูด เดี๋ยวเธอก็รู้ ซึ่งถ้าใครที่ดูเอ็มวีก็อาจจะรู้สึกว่าเค้าอาจจะชอบกันอยู่แล้วนินา ก็ไม่เป็นไร แค่เค้าไม่พูดกัน แต่มันอยู่ในความรู้ มันอยู่ในบรรยากาศ มันอยู่ในการกระทำบางอย่าง
ทำไมถึงออกมาเป็นสถานการณ์งานเลี้ยงส่งผู้ชายไปเมืองนอก ?
กุ๊ก : เราแค่หาเหตุผลว่าทำไม มันมีเหตุผลอะไรที่จะไม่พูด มันมีเหตุผลอะไรทีจะไม่บอกเขาว่าสรุปเราเป็นแฟนกันไหม เราชอบกันรึเปล่านะ สำหรับเรารู้สึกว่า เราไม่รู้เหมือนกันว่าปลายทางมันคืออะไรถ้าไม่มีจุดสิ้นสุดของเวลาให้เค้า ในเมื่อผู้ชายจะไม่อยู่แล้ว มีเวลาแค่ตรงนี้ว่าจะพูดหรือไม่พูดเพื่อให้เราได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่ที่สุด แต่เราจะไม่บอกเธอหรอกนะว่าเราชอบเธอรึเปล่า เพราะว่าต่อให้พูดไปแล้วเค้าไปเรียนเมืองนอกแล้วเค้าไม่รับรักเราขึ้นมา เราจะทำยังไง นี่ก็อาจจะเป็นการหาเหตุผลให้เนื้อเรื่องแหละ พอเป็นเราเองที่เราเป็นคนชัดเจนในความรู้สึกอยากเปิดเผยก็รู้สึกว่าเข้าใจได้ ว่าถ้าผู้ชายคนนี้จะไม่อยู่แล้ว แล้วต้องตัดสินใจก็อาจจะไม่พูด
การไม่พูดมันเวิร์คไหมสำหรับความสัมพันธ์ ?
อิ้งค์ : มันเวิร์คสำหรับตัวเอง อิ้งค์เป็นคนไม่กล้าพูดก่อนอยู่แล้ว พูดกับเพื่อนได้ แต่พูดกับเค้าอะไม่พูด ส่วนมากความรักที่สมหวังก็คือเพื่อนไปบอกหมดเลยนะ เราไม่เคยพูดเองเลย ถ้าเพื่อนไม่บอก หรือไม่หลุดไปก็จะอยู่ในไปแบบนี้ โสดต่อไปเรื่อยๆ แน่นอน ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นเรื่องแบบนี้หมดเลย มันเป็นเหมือนความรู้สึกส่วนตัว มั้ง เขิน เวลาต้องอยู่ใกล้ๆ แต่ก็จะมีปฏิกิริยาตลอดแหละ
แสดงเอ็มวีเพลงของตัวเองยากหรือง่ายกว่าเล่นหนัง ?
อิ้งค์ : มันก็ยากง่ายต่างกัน พอเป็นเพลงตัวเองก็จะยากกว่าตรงที่เวลาเล่นอะไรไป ก็เป็นตัวเราที่เจ้าของเพลง เราเป็นทั้งคนแสดงและเป็นทั้งภาพจำให้คนฟังเพลง ก็ยากที่ไม่รู้ว่าเราจะสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้ดีไหม แต่ก็ง่ายกว่าตรงที่สามารถทำอะไรก็ได้ในเพลงของเราให้คนเค้าจำ ให้คนเค้ารู้สึกตาม แต่ถ้าเป็นหนังเราก็ไปตีความตามบทที่เค้าเขียนมาแล้วก็ไปเล่นเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเรา แต่อย่างเอ็มวีเพลงนี้อิ้งค์ก็รู้สึกว่ามีความเป็นธรรมชาติของเราหลายๆ อย่างที่อยู่ในนั้น
อย่างเพลง เกี่ยวกันไหม มันก็จะมีความสดใสมากเวอร์อยู่ อันนั้นก็ต้องเติมความเป็นผู้หญิงในเพลงเข้าไป ซึ่งอิ้งค์ก็ไม่ใช่คนเขินเวอร์บิดมากๆ อยู่แล้วในชีวิตจริง แต่เพลงนี้มันใช่ มันคือการที่เราเก็บความลับนั้นไว้ เราก็เขิน แต่เราก็จะไม่เขิน แกล้งไม่รู้ คือยังไงเธอก็ไม่รู้หรอก ซึ่งจริงๆ ก็อาจจะรู้
อิ้งค์รู้สึกยังไงบ้างตอนเห็นเอ็มวีครั้งแรก ?
กัส : อิ้งค์ไม่ตอบเลย อ่านแล้วไม่ตอบ ไม่ตอบเป็นชั่วโมง ตื่นเต้นมากไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ
อิ้งค์ : ไฟล์มันใหญ่แล้วตอนนั้นทัวร์อยู่ด้วยก็พยายามจะโหลด พอโหลดได้ปุ๊ป พอเห็นหน้าตัวเองครั้งแรก โอ้ มาย ก็อต คือสิวขึ้นเม็ดใหญ่มาก แล้วเห็นชัดมาก แต่มู้ดรวมๆ อิ้งค์ชอบ ชอบการตัดที่ตรงกับดนตรี ชอบสี ชอบวิธีการเล่า แต่แค่ติดที่มีสิว เสียใจอ่ะ
ความลับของอิ้งค์เลยนะคะ ทุกเอ็มวีอิ้งค์จะต้องเป็นวันที่มีสิวเม็กใหญ่ขึ้นทุกครั้ง ทุกครั้งจริงๆ สงสารผู้กำกับทุกคนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เดช พี่ปิง พี่แวว พี่วรรณ เลยมาคิดกับตัวเองว่าหรือเราจะไม่เหมาะกับการแสดงเลยเพราะเราชอบได้วันที่สิวขึ้นเม็ดใหญ่ทุกที
กัส : แต่วันที่กัสเห็นเอ็มวีวันแรก กัสชอบ ทุกคนชอบพูดว่าน้องมันสดใสต้องทำเอ็มวีต้องกลางวัน กัสก็ไม่เอา ยังไงเอ็มวีก็ต้องกลางคืน เพราะทุกคนจะให้อิ้งค์เป็นมุมสดใสหมด แต่กัสรู้สึกว่ามันเท่ได้นี่หว่า มันดิบได้ มันหม่นได้
กุ๊ก : เราชอบความหม่นที่มีความสุข แล้วเพลงนี้มันเป็นแบบนั้น กลายเป็นว่าพออิ้งค์มาร้อง มาแสดง ทุกอย่างมารวมกันมันก็เอ๊ะ ก็สดใสดี ก็ไม่ได้หม่นนิ ก็กลายเป็นเพลงหม่นที่สดใสไปสำหรับเรานะ ทางฝั่งบ็อกซ์ก็จะรู้สึกว่าอันนี้เป็นความหม่น แต่ทางเราเองเราจะรู้สึกว่าอันนี้สดใสมากแล้วนะ (หัวเราะ)
พอปล่อยเพลงไปแล้วมีฟีดแบคอะไรสนุกๆ บ้าง ?
กัส : พี่พล (คชภัค ผลธนโชติ – หัวหน้าแก๊งค์บ็อกซ์) มาก่อนเลย อิ้งค์โดนอุ้มเหรอวะ (หัวเราะ)
อิ้งค์ : กลายเป็นซีนนี้ถูกพูดถึงเยอะเหมือนกันเรื่องโดนอุ้มเนี่ย โหย ตอนแรกพี่กัสโทรมาถามอิ้งค์ว่า พี่กุ๊กถามว่าจะโดนอุ้มหรือจะขี่หลังดีกว่ากัน อิ้งค์ก็บอกว่าขี่ยังไงวะ (หัวเราะ)
กุ๊ก : มีให้เลือก (หัวเราะ) คือเอ็มวีมันเร่งมาก สถานที่ก็ยังหาไม่ลงตัวในวันที่จะต้องถ่ายแล้ว มันเลยต้องคิดเผื่อไว้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง มันจะได้รถไหม จะถ่ายตรงไหน ถ้าอุ้มไม่ได้เพราะไม่มีรถเป็นขี่คอแทนได้ไหม แต่พอรู้ว่าอิ้งค์ต้องใส่ชุดอะไรก็โอเคไม่ได้ละ
อิ้งค์ : ช่วงนั้นพี่กัสจะพิมพ์มาเยอะมากๆๆๆ แล้วก็ถามอะไรที่แบบ คืออะไวะเนี่ย เช่น โดนอุ้มได้ไหม ขี่คอได้ไหม
กัส : อิ้งค์ก็ถามว่านี่มันคืออะไรพี่กัส กัสก็เออไม่อธิบายแล้ว ตอบมาว่าอุ้มได้ไหม จะได้ไปบอกพี่กุ๊ก จำได้เลยอิ้งค์ก็ตอบมาว่า ถ้ามันจะทำให้เอ็มวีมันโอเค อิ้งค์ก็โอเคนะ (หัวเราะ) อีกเรื่องที่ทักไปก็คือเอ็มวีนี้วิ่งอีกแล้วนะ
อิ้งค์ : ใช่ วิ่งทุกเพลง มีคนมาแซวในคอมเมนต์ หวังว่าเพลงหน้าจะได้นั่งบ้างนะ
กุ๊ก : แต่ด้วยความที่เรื่องมันเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะนั่งกันอยู่ตรงนี้แหละ แต่ใจฉันวิ่งไปกับเธอแล้ว มู้ดมันเลยออกมาเป็นแบบนี้
และนี่คือเรื่องราวความลับลั่นระหว่างการทำงานเบื้องหลังการถ่ายทำเอ็มวีของหญิงสาวทั้งสองที่นี่
ว่าแล้วก็ดูเอ็มวีนี้อีกรอบกัน