ต้อนรับบอลโลก กับบทสนทนาสบายๆ ในสนามฟุตบอลตามสไตล์หนุ่ม Boxx

Boxx Music ชวน 7 หนุ่มอย่าง พล – คชภัค ผลธนโชติ, ยักษ์ – อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์, ปอย Portrait (ตะวัน ชวลิตธํารง) 3 ศิลปินและโปรดิวเซอร์รุ่นใหญ่ของค่าย กับ 4 ศิลปินรุ่นใหม่อย่าง นัน-สุนันทา ยูรนิยม, กันต์ ชุณหวัตร, โอ – ปวีร์ คชภักดี และมาร์ค – ธัชพล จุลเกษม พักผ่อนจากการทำเพลงสักหนึ่งวัน แล้วมาพักผ่อน รวมตัวเล่นสนุกและพูดคุยภาษาฟุตบอลกันแบบแมนๆ เพื่อต้อนรับกระแส ‘มหกรรมฟุตบอล’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกปีนี้

ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีแนวเพลงที่แตกต่าง วิธีคิดคนละแบบ แต่เมื่ออยู่ในสนามฟุตบอลปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเพศ อายุ การศึกษา สถานะต่างๆ ล้วนไม่มีผล เพราะทุกคนในวันนี้คือเพื่อน พี่ น้องที่หลงใหลในเสน่ห์ของลูกกลมๆ เหมือนกัน

และเพราะลูกกลมๆ ใบเล็กๆ นี้ล่ะ ที่มีอิทธิพลกับคนทั้งโลก และหลอมรวมให้ทั้ง 7 คนพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กันได้อย่างสนุกสนานและด้วยเสียงหัวเราะ ถึงแม้จะมีบางช่วงที่แอบบลัฟกันเล็กๆ เพื่อสร้างสีสันตามประชา ‘คอลูกหนัง’ อยู่บ้างก็ตาม

ความผูกพันในวัยเด็ก

พล: ผมเริ่มเล่นตั้งแต่ ป.5 แต่เริ่มมาดูบอลตอนม. 2 แล้วเป็นช่วงที่เตะบอลทุกวันแบบเช้า กลางวัน เย็น เตะจนตัวเหม็น

ยักษ์: เพราะตอนนั้นมีเดิมพันนัดละ 20 บาทกันอยู่ เราก็เลยเล่นกันเต็มที่ เรียกว่าจริงจังกับการเล่นฟุตบอลมากกว่าตอนเรียนครับตอนนั้น (หัวเราะ)

พล: เวลาเล่นพวกเราจะมีฉายาคู่กันว่าเนสต้ากับคันนาวาโร่ (หนึ่งในคู่กองหลังที่ดีที่สุดในโลกของอิตาลี่) ไม่ต้องทำอะไรมาก คอยตัดบอลแล้วบึ้มทิ้งอย่างเดียว

โอ: ผมเริ่มต้นจากการเล่นเกมเกี่ยวกับการวางแผนฟุตบอลพวก Championship Manager กับ Football Manager ชอบเวลาเห็นการวิ่งของนักเตะแต่ละคน การได้วางแผน แก้เกม ได้รู้จักนักเตะใหม่ๆ เลยทำให้เราอินกับฟุตบอลขึ้นมาจริงๆ

ปอย: ตอนเด็กๆ ผมรู้สึกว่าการเชียร์บอลสนุกมากเลยนะ บอลสมัยนั้นผมว่าแทคติกยังไม่เยอะ เวลาแพ้ชนะเขาวัดกันว่าใครใส่วิญญาณในการเล่นกว่ากัน เราจะได้เห็นความทุ่มเท เห็นฝีมือมาใส่กันเต็มที่ จนรู้สึกว่าทีมไหนที่เล่นตุกติกหรือทำเพื่อชัยชนะเน้นผลการแข่งขันมากๆ เราจะไม่ค่อยชอบ แต่สมัยนี้ฟุตบอลเปลี่ยนไป ความรู้สึกตรงนั้นหายไปเลยรู้สึกว่าเชียร์บอลสนุกน้อยลงเยอะเลย

กันต์: ผมเล่นบอลตั้งแต่ ป. 2 เป็นนักกีฬาโรงเรียนจนถึงช่วงมัธยมต้น ไปแข่งแทบทุกถ้วย จริงจังมากจนเรียกว่าการเป็นนักฟุตบอลอาชีพคือความฝันในตอนนั้นเลย แต่พอเริ่มโตขึ้นมา แล้วในยุคนั้นพูดตรงๆ คือเรามองไม่เห็นอนาคตของนักฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยเลย บางนัดมีคนดูแค่หลักสิบ

โอ: มีช่วงหนึ่งช่วงพักครึ่งเขาต้องเอาตลกมาเล่นเพื่อเรียกคนดูอ่ะคิดดู (หัวเราะ)

กันต์: บางสนามก็มีขวดเบียร์แตกกระจาย รู้สึกสิ้นหวังมากเลยนะ ทั้งๆ ที่อยากเป็นนักฟุตบอลมากๆ จนตอนหลังต้องจริงจังกับการเรียนมากขึ้น แล้วก็หันมาเล่นดนตรีแทน

เสน่ห์บอลโลก

นัน: นันเริ่มต้นดูและหันมาทำความเข้าใจกับฟุตบอลมากขึ้นก็เพราะบอลโลกเลย น่าจะประมาณปี 2002 ที่เยอรมันมี โอลิเวอร์ คาห์น เป็นโกล แล้วเราชอบคนนี้มาก รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนมนุษย์ แต่เขาเหมือนยักษ์เพราะสามารถรับบอลได้ทุกลูก รวมทั้งท่าทางเวลาอ้าปากตะโกนสั่งการเพื่อนร่วมทีม ดูแล้วสนุกจังเลย บอลโลกเลยเป็นสีสันที่ทำให้เราติดตามและเชียร์ทีมชาติเยอรมันมาตลอด และอินทรีย์เหล็กก็ทำได้ทุกปี ปีนี้ก็คิดว่าเป็นอีกปีที่มีลุ้น

ปอย: เออ ผมก็เริ่มจากดูบอลโลกเหมือนกัน ทำให้ผมได้เห็นจอห์น บาร์น แล้วชอบทีมชาติอังกฤษมาตั้งแต่ตอนนั้น มันคือมหกรรมกีฬาที่คนดูกันทั้งเมือง ผมก็นั่งดูกับครอบครัว มันให้ความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ มีอะไรให้ติดตามตลอด ละสายตาจากมันไม่ได้ เป็นความตื่นเต้นที่เด็กคนหนึ่งไม่เคยรู้สึกมาก่อนในตอนนั้น

ยักษ์: บอลโลกมันมีเสน่ห์หลายอย่างนะ ทั้งดราม่า ทั้งความเพลิดเพลิน ทั้งศิลปะหลายอย่างที่ฟุตบอลสโมสรไม่มี เป็นช่วงที่เราจะได้เห็นดาวเด่นเกิดขึ้นมา แล้วค่าตัวก็จะพุ่งสูง แล้วสนุกกับการได้เห็นทีมที่นักเตะชื่อคุ้นทุุกคนแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักทีอย่างเบลเยี่ยม ปีนี้ก็ลุ้นว่าเต็งหนึ่งอย่างบราซิลจะไปไกลถึงไหน เพราะชื่อแต่ละตัวของเขาน่ากลัวมาก แต่ในใจผมเชียร์เยอรมันมาตั้งแต่แรกนะ

มาร์ค: ผมมาเริ่มดูบอลโลกปีหลังๆ นะ แต่รู้สึกเหมือนพี่ยักษ์คือ เป็นช่วงที่เราสนุกเพราะได้เห็นนักเตะใหม่ๆ ที่ไม่รู้จัก เหมือนเป็นเวทีแจ้งเกิดมาอัพค่าตัว แล้วทำให้เราไปลุ้นต่อว่าสโมสรที่เราเชียร์จะได้คนพวกนี้เข้าทีมมาบ้างไหม

กันต์: อีกทางหนึ่งก็คือลุ้นว่าเราจะเสียคนพวกนี้ไปด้วยเหรือเปล่าเหมือนกัน (หัวเราะ)

โอ: ผมไม่ได้เชียร์ใครทีมไหนเป็นพิเศษ แต่ผมดูทุกคู่นะ จะเน้นที่ดูนักเตะกับแผนการเล่นมากกว่า เพราะทีมชาติที่เชียร์จริงๆ จังๆ ของผมมีแค่ทีมชาติไทยทีมเดียว

กันต์: คล้ายกันครับ คือไม่ได้เชียร์ใครเป็นพิเศษเพราะเชียร์ทีมชาติตัวเอง แต่ถ้าให้เลือกเชียร์ทีมในบอลโลกก็คงเชียร์ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่เป็นโซนเอเชียใกล้ๆ กับเรา ซึ่งเสียเปรียบทีมอื่นแทบทุกอย่างเลย แต่ถ้าเขาทะลุไปรอบตัดเชือกได้จะสนุกมาก

แฟนบอลสลับขั้ว

ยักษ์: ต้องบอกก่อนว่าปกติเวลาใครเชียร์ทีมไหน เขาก็จะเชียร์ทีมนั้นไปตลอด โดยเฉพาะแฟนบอลทีมแมนกับลิเวอร์พูลนี่จะไม่เปลี่ยนฝั่งไปหากันเด็ดขาด แต่ในนี้มีคนที่แปรพักต์มาแล้ว 3 คนด้วยกัน (หัวเราะ) คนแรกคือผมที่ตอนแรกเชียร์แมนยูตามรุ่นพี่ก่อน แล้ววันหนึ่งพี่เขาบอกว่า “มึงเลิกเชียร์แมนยูเถอะ เพราะเชียร์แล้วแพ้” ผมเลยบอกว่าก็ได้ เดี๋ยวผมเปลี่ยนไปเชียร์ลิเวอร์พูลแล้วจะชนะให้ดู สรุปว่านัดต่อมา ลิเวอร์พูลแพ้แมนยูใน FA Cup 1996 ที่อีริค คันโตน่าถอยหลังวอลเลย์ใส่ลิเวอร์พูลแบบเต็มๆ หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้ากลับไปเชียร์แมนยูอีกเลยครับ (หัวเราะ)

พล: โห ลูกของคันโตน่าคือหนึ่งในลูกที่เจ็บปวดที่สุด มันไม่ควรเกิดขึ้นอ่ะ แล้วนี่มึงก็ดันมาแปรพักต์ในนัดพอดีเลยเหรอ (หัวเราะ)

ปอย: มาทำให้ลิเวอร์พูลแพ้แทน (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่านักเตะที่ผมชอบที่จอห์น บาร์นส์ แล้วผมดูฟุตบอลอังกฤษในยุคเครื่องจักรสีแดงที่มีเคนนี่ ดัลกริช เอียนรัช ที่ตอนนั้นลิเวอร์พูลแม่งโคตรเก่งเลยนะ ชนะได้ทุกทีม แค่ลุ้นว่าจะชนะเยอะหรือน้อยแค่นั้น แต่ก็ไม่ได้เกลียดแมนยู เพราะเขาคือคู่แข่งที่เก่ง แล้วพอถึงยุคที่เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นแกรม ซูเนสส์ เขาโละนักเตะเก่าออกไปหมด แล้วผมรู้สึกผิดหวังมาก เลยเปลี่ยนไปเชียร์แมนยูเพราะนี่คือคู่แข่งที่ผมเคารพแล้วก็ไม่เปลี่ยนใจอีกเลย

มาร์ค: ผมเชียร์แมนยูมาก่อน ตอนนั้นยุคคริสเตียโน่ โรนัลโด้ย้ายมาใหม่ๆ แล้วเป็นคนที่เลี้ยงเก่งมาก วันหนึ่งผมไปที่บ้านเพื่อนก็ชวนกันเล่นวินนิ่ง แล้วผมมั่นใจในตัวโรนัลโด้มาก บอกเลยว่าถ้าแพ้เดี๋ยวเลี้ยงขนม วันนั้นเพื่อนเล่นลิเวอร์พูล ปรากฏกว่าผมแพ้เขา 7-0 (หัวเราะ) แล้วผมก็ไม่เชียร์แมนยูอีกเลย ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวเลยว่าทำไมลิเวอร์พูลมันเก่งจังวะ

โอ: ไม่ได้เก่ง แต่มึงเล่นห่วย

มาร์ค: (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็ไปตามดูลิเวอร์ยุคเก่าๆ พอรู้ประวัติศาสตร์สโมสร

กันต์: มาแล้ว ประวัติศาสตร์ทีมใหญ่มาแล้วครับ (หัวเราะ)

มาร์ค: เฮ้ย ผมประทับใจสปิริตนักเตะในตอนนั้นนะ อย่างตอนนัดชิงยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีกส์กับเอซี มิลานที่โดนนำก่อน 3-0 แล้วตีเสมอเป็น 3-3 แล้วมาชนะจุดโทษได้อ่ะ ผมว่าพวกเขาเล่นกันแบบสุดชีวิตจริงๆ โดยเฉพาะสตีเฟ่น เจอร์ราด ในตอนนั้น

ยักษ์: เออ เจอร์ราดคือนักเตะในดวงใจตลอดกาลของผมเลยนะ เขาเป็นคนบ้าฟุตบอลจริงๆ มีพลังงานสูงมากในการเป็นกัปตันทีมขับเคลื่อนเพื่อนๆ นี่คือกัปตันของแท้ ดุดัน มีลูกยิงมหัศจรรย์หลายครั้ง นัดชิงยูฟ่าที่มาร์กบอกตอนนั้นผมน้ำตาซึมเลยนะ

เสียน้ำตาให้กับลูกกลมๆ

มาร์ค: นัดล่าสุดที่ลิเวอร์พูลแพ้เรอัล มาดริด ยูฟ่าแชมป์เปี้ยน ลีกส์นี่ล่ะครับ ความรู้สึกคนละอย่างกับตอนได้แชมป์เลย ตอนโมฮาเม็ด ซาลาห์เจ็บผมใจฝ่อเลยนะ พอเห็นเขากลับมาวิ่งก็อุ่นใจ สักพักเห็นเขาลงไปนอนร้องไห้นี่น้ำตาผมไหลตามเลย

นัน: ถ้าปกติจะชงมุกให้ แต่อันนี้ข้ามไปแล้วกันเนอะ (หัวเราะ) อันนี้เข้าใจความรู้สึกเพราะเราก็เคยร้องไห้ตามตอนที่เห็นโรนัลโด้ร้องไห้เหมือนกัน พอจบวันนั้นแล้วเรารู้สึกได้เลยว่าเป็นเช้าที่เศร้ามากของแฟนลิเวอร์พูล ขนาดเราเป็นแฟนแมนยูยังรู้สึกเลยนะ ภาพที่คลาริอุสที่เดินมาร้องไห้แล้วยกมือขอโทษแฟนบอล มันเป็นภาพที่เห็นแล้วเจ็บมากจริงๆ นะ

ยักษ์: ถ้าพูดจริงๆ ความผิดพลาดของคลาริอุสมันก็เกินไปจริงๆ นะ แต่ก็คิดในแง่ดีว่าถ้าเขาเอาตรงนี้เป็นพลังแล้วเขาจะเก่งขึ้นมากเลยนะ เพราะเขาดันเล่นแย่ที่สุดในวันที่ไม่ควรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวอ่ะ ถ้าเขาผ่านไปได้ต่อไปเขาจะไม่พลาดอีก ยกเว้นแต่ว่าจะหมดโอกาสพิสูจน์ตัวเองเท่านั้นเอง

โอ: ผมไม่ถึงกับร้องนะ แต่มีนอยด์จนนอนไม่หลับ ผมเชียร์ทีมอาร์เซน่อล แล้วนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์กับบาเซโลน่าปี 2006 รูปเกมเราไม่ควรจะสู้ได้เลยนะ แต่นัดนั้นเธียรี่ อองรี่คนเดียววิ่งจนบาร์ซ่าทั้งทีมเอาไม่อยู่ จากไม่มีลุ้น ทำให้เราลุ้นมากๆ ว่ามีโอกาสจะชนะ แต่สุดท้ายก็แพ้ เสียดายมากจนนอนไม่หลับเลย เสียดายต่อมาเรื่อยๆ เพราะแอบคิดว่าถ้าอาร์เซน่อลได้แชมป์ตอนนั้น อาร์เซน เวนเกอร์ อาจจะวางมือเร็วกว่านี้ก็ได้ (หัวเราะ)

กันต์: ไม่เคยร้องไห้เพราะเสียใจ แต่เคยมีแบบดีใจมากๆ นะ เพราะว่าผมเชียร์ทีมสเปอร์สที่แทบไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย เพราะฉะนั้นผมเข้มแข็งกับความผิดหวังมากจนไม่มีทางร้องไห้เพราะเสียใจแน่ๆ (หัวเราะ) ผมเชียร์สเปอร์สตั้งแต่ ม.1 เคยได้แชมป์เดียวตอนปี 2008 แล้วเป็น คาลิ่ง คัพ ถ้วยมิกกี้เมาส์ที่เล็กที่สุด แต่ต่อให้เล็กแค่ไหน แต่ความรู้สึกตอนที่ โจนาธาน วูดเกต โหม่งเข้าผมแม่งเฮลั่น วิ่งรอบบ้านเลย

แฟนบอลสายบลัฟ

พล: ของพวกผมจะไม่ค่อยเท่าไหร่นะ เพราะเกรงใจ อย่างในวง Clash จะมีไอ้แฮ็คเป็นแฟนแมนยูที่เซ้นสิทิฟที่สุด แตะต้องไม่ได้ เรียกว่าเข้ากระดูกดำ ขนาดที่แซวแล้วโกรธอ่ะ (หัวเราะ) ก็เลยจะมีแค่ข่มๆ กันนิดหน่อย พออายุมากขึ้นก็ติดตามน้อยลง แล้วก็ไม่ค่อยมีแรงไปบลัฟแข่งกับน้องๆ ในค่ายแล้ว

กันต์: ผมเป็นสายประณีประนอม ไม่บลัฟครับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทีมที่ผมเชียร์อย่างสเปอร์สไม่มีอะไรเลย ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ไม่เคยได้แชมป์มาเยอะแยะเมื่อก่อน ซึ่งมันนานมากแล้วเหมือนกันนะ แต่ก็ยังงงๆ ว่าเออ ทำไมเขาถึงยังชอบพูดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมานานมากแล้วกันจังเลย (หัวเราะ)

ทุกคน: ไม่บลัฟนะ ไม่บลัฟ (หัวเราะ)

กันต์: ไม่บลัฟ เพราะผมไม่มีอะไรไง สิบปีแชมป์เดียว จะไปบลัฟใครได้ เจ็บไม่ค่อยเป็น

นัน: เออ แล้วคงจะเจ็บไม่เป็นไปอีกนานด้วยนะ

กันต์: ไม่เป็นไรครับ เพราะชินแล้ว แต่ไม่รู้ทีมอื่นเขาชินหรือเปล่า หลายปีก็จบอันดับต่ำกว่าสเปอร์นะ แต่ยังเอาเรื่องเก่าๆ มาบลัฟกันก็ไม่ค่อยเข้าใจ

ปอย: นี่คือประณีประนอมแล้วนะ

กันต์: ใช่ครับ

มาร์ค: นี่หมายถึงเชลซีใช่ไหม

กันต์: ไม่รู้ แต่สักทีมอ่ะ ที่แบบนักเตะเจ็บไปคนเดียวแล้วก็ทำอะไรไมได้ แล้วโกลด์ก็พลาดอีก

ยักษ์ พล มาร์ค: กูว่าอันนี้น่าจะของพวกกูแล้วล่ะ (หัวเราะ)

โอ: เมื่อก่อนผมบลัฟนะ ในยุคนึงที่อาเซน่อลเคยเก่งมากๆ นี่ผมบลัฟเละเทะเลย แต่ช่วงหลังๆ นี่เงียบแล้ว (หัวเราะ)

นัน: ซึ่งจริงๆ ในโต๊ะนี่ก็ควรจะเงียบกันทุกคนเลยนะ ไม่ได้มีใครเฟื่องฟูสักคนเลยอ่ะ ไม่น่าจะมีใครพูดอะไรได้เลยตอนนี้

ทุกคน: (หัวเราะ)

เพลงบอลโลกในแบบ Boxx Music

ปอย: ผมจะนึกถึงการ์ตูนเรื่องซึบาสะ ที่มีคำพูดว่า “บอลคือเพื่อน” สำหรับเขาบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่สำคัญมากกว่านั้น ในเพลงบอลโลกผมเลยอยากพูดถึงความสำคัญของฟุตบอลที่มีต่อมนุษย์ เพราะฟุตบอลมีความหมายสำหรับหลายคนมากเลยนะครับ มันคือความฝัน มันคือความรัก ความคลั่งไคล้ ความตั้งใจ ความทุ่มเท มันคือกลุ่มก้อนพลังงานบวกที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกสนาม ก็อยากสื่อสารตรงนี้ออกมาในเพลง

พล: เรื่องดนตรีในมุมผมจะมาแบบ 3 ช่าเลยนะ ขายความเป็นไทยเลย

ยักษ์: ทำแบบสไตล์ไทยเท่นะ กลองหนักๆ ตึบๆๆๆๆ

พล: มีเสียงฉับ ฉิ่งเป็นแอมเบี้ยนซ์ ผมว่าเวลาฝรั่งมาเซิ้งเพลง 3 ช่าที่เมืองไทยเขาสนุกกันมากเลยนะ ผมว่า 3 ช่ามีความเป็นดนตรีของมนุษยชาติ แล้วฟุตบอลก็เป็นกีฬาของมนุษยชาติเหมือนกัน น่าจะเข้ากันได้

ยักษ์: เนื้อเพลงนอกจากความหมายของฟุตบอลที่พี่ปอยบอก ก็อาจจะใส่เรื่องของสปิริต จิตวิญญาณนักสู่ จิตวิญญาณในการเชียร์เข้าไปเพื่อเพิ่มความสนุกและปลุกใจเข้าไปด้วย

***
เพลงฟุตบอลโลก ปี2018

Scroll to Top