Illustrator, Interior designer, ครูสอนร้องเพลง, ครูสอนวาดรูป, นักเต้นสวิงแดนซ์, นักร้อง
บรรทัดยาวๆ ด้านบน คือสิ่งที่ผ่านมือของ ฝ้าย–ปัถยา วาสนสิริ มาแล้วทั้งนั้น วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักสาวร่างเล็กมากความสามารถโดยเฉพาะศาสตร์ที่เน้นไปทางศิลปะคนนี้กัน และมาเจาะลึกกับบทบาทล่าสุดในฐานะ ศิลปินสาวคนใหม่แกะกล่องจากค่าย Boxx Music
เริ่มต้นทำความรู้จักกันหน่อย ทุกวันนี้ฝ้ายทำอะไรอยู่บ้าง ?
ฝ้ายเป็นอินทีเรียค่ะ ออกแบบให้ช็อป ร้านค้ารีเทล บ้าน คอนโด จริงๆ หลังจากเรียนจบมาก็ทำอินทีเรียเป็นหลัก เมื่อก่อนฝ้ายมีสอนศิลปะ สอนร้องเพลงเด็กอยู่บ้าง ตอนนี้ไม่ได้สอนร้องเพลงแล้ว สอนแต่ Drawing แล้วก็มีวาดภาพประกอบให้นิตยสาร เขียน Cole graphic เวลามีงานอีเวนต์เปิดงานน้ำหอม ก็จะเขียนการ์ด หรือกราฟิกที่ติดช่อดอกไม้พวกทำอาร์ตเวิร์คของงานค่ะ
ดูฝ้ายทำงานมาสายอาร์ตหมดเลย ?
ใช่ค่ะ แต่ฝ้ายจบวิทย์-คณิตมานะ เมื่อก่อนเข้าใจผิดคิดว่าเราสนุกกับการเรียนวิทย์ แต่จริงๆ เราชอบภาษา ชอบศิลปะมากกว่า แต่พอเราเรียนแล้วเราก็รู้สึกดีนะ เพราะว่ามันทำให้เรามีเหตุมีผลในการคิด มีวิธีการคิดที่เป็นขั้นตอนดีค่ะ
เริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่ตอนไหน ?
จำไม่ได้เลยค่ะว่าอายุเท่าไหร่ เพราะร้องตั้งแต่เด็กเลยคุณพ่อจะเล่นกีตาร์ตลอด จำความได้ก็ร้องเลย จำไม่ได้ว่าเริ่มร้องตั้งแต่อายุเท่าไหร่ แล้วพอที่โรงเรียนมีกิจกรรมก็จะเข้าร่วมตลอด มีกิจกรรมร้องเพลงก็จะร้องตลอด จริงๆ ตอนเด็กฝ้ายเป็นคนขี้อายมาก แต่แม่เห็นเราชอบร้องก็จะส่งไปเรียนร้องเพลงก็กล้าแสดงออกมากขึ้น คือเป็นคนขี้อายที่ชอบทำกิจกรรม
ทำไมถึงเลือกเรียนอินทีเรีย ?
ตลกมาก คือเด็กๆ ฝ้ายเห็นคนวาดสีน้ำแล้วมันสวยมากก็เลยคิดว่าเราเรียนอินทีเรียดีกว่า จะได้วาดสีน้ำเก่งๆ แต่หารู้ไม่ ว่าเรียนอินทีเรียมันไม่ใช่แค่วาดสีน้ำเท่านั้น แต่ตอนนั้นเราคิดว่าก็ต้องสายนี้แล้วแหละ จะเป็นหมอ เป็นอย่างอื่นเราก็เฉยๆ หมด ก็ไม่ได้อิน แล้วเราก็ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก คือทั้งร้องเพลงทั้งวาดรูปก็ชอบมาตั้งแต่เด็กเลย
พอเรียนแล้วเป็นไงบ้าง ได้วิธีคิดอะไรจากการเรียนอินทีเรียบ้าง ?
ฝ้ายรู้สึกว่าอินทีเรียมันมีความเป็นศิลปะกับความเป็นวิทย์-คณิต ผสมกันอยู่ ศิลปะก็คือเรื่องความสวยความงามเป็นหลักเลย แต่เรื่องฟังก์ชันก็ควบคู่กันไป มันมีทั้งวิทย์ทั้งศิลป์ผสมกัน
ความสนุกของอินทีเรียมันอยู่ตรงไหน ?
ตอนเราเริ่มต้นทำเราเห็นมันตั้งแต่บนหน้ากระดาษ แต่พอมันทำจริง มันออกมาจริง มันรู้สึกดีมากเลย มันภูมิใจว่านี่คืองานของฉันนะ
สไตล์การดีไซน์ของฝ้ายออกมาเป็นแบบไหน ?
ฝ้ายสนใจ ‘วาบิซาบิ’ มันเป็นปรัชญาอย่างนึงของญี่ปุ่น งานของศิลปินแนวนี้ก็จะออกมามีความเรียบง่าย มันคือความไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนมองความไม่สมบูรณ์แบบให้มันสวยได้ เช่นพวกงานเซรามิคที่รอยแตกของแก้วแล้วเค้าเอาสีทองมาแปะไว้ มันก็คืองานมาสเตอร์พีซชิ้นเดียว
งานดีไซน์ที่ฝ้ายสนใจส่วนมากก็จะเป็น Minimal, Loft หรือพวกวินเทจก็ได้ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วย เราก็อาจจะเสนอสไตล์ที่เราชอบ ลูกค้าส่วนใหญ่เค้าก็จะเชื่อใจ คุยกันแล้วรู้เรื่อง สไตล์ตรงกัน
งานอินทีเรียที่เราทำแล้วสนุกที่สุดคืองานไหน ?
ฝ้ายกลับไปนึกถึงงานที่เราเรียน เพราะการที่เราใช้ชีวิตจริงในด้านนี้มันถือเป็นงานบริการด้วย แต่ถ้านึกถึงความสนุกเรากลับไปนึกถึงคอนเซปต์หนักๆ สมัยที่เราเรียน ฝ้ายทำโปรเจกต์เกี่ยวกับศูนย์ออกแบบการเรียนรู้การทำเซรามิค ฝ้ายดีไซน์ให้ทุกๆ อย่างให้เปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา ตอนเช้าเราอยู่ห้องนี้ แสงที่สาดเข้ามามันทำให้เรารู้สึกแบบนี้ ตอนกลางวันจะทำให้เรารู้สึกอีกแบบนึง อยู่ตอนเย็นก็จะให้ความรู้สึกอีกแบบนึง หรือเอฟเฟกต์หรือรีแฟล็กต่างๆ ที่ออกมามันจะให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถฟุ้งได้เยอะ เพราะไม่ได้มีข้อจำกัดมากมาก ตอนนั้นเราก็ใช้วาบิซาบินี่แหละ แต่เราสโคปเข้ามาว่าการที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งของต่างๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าทุกๆ อย่างมันคือธรรมชาติ ธรรมชาติมันสร้างมาให้เป็นแบบนั้น และธรรมชาตินี่แหละคือความสวยงาม ฝ้ายเองก็ชอบอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า ธรรมชาติ
แนวคิดวาบิซาหรือวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องความไม่สมบูรณ์ในชีวิต มันส่งผลต่อวิธีคิดและวิธีใช้ชีวิตของเราอย่างไรบ้าง ?
ส่งผลเยอะเลยแหละ มันไม่ใช่วาบิซาบิหรืออะไร ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมา มันเกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา พ่อแม่ครอบครัว หนังสือที่เราอ่าน หรือกระทั่งพระพุทธศาสนามันทำให้เรารู้สึกว่าเราเข้าใจว่าทุกคนมีทั้งสุข มีทั้งทุกข์ เวลาที่เรามีความทุกข์เราก็รู้ว่าเออ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เวลาที่มีความสุขเราก็รู้ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ซึ่งมันทำให้ข้าใจ ถึงแม้ว่าเราจะทำใจไม่ค่อยได้กับความทุกข์ที่มันเข้ามาแต่อย่างน้อยเราเข้าใจว่าเออ เราเจ็บละนะ เราทุกข์ละนะ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ฝ้ายเลยไม่ค่อยเศร้าหรือฟูมฟายอะไรมากมาย
คิดว่าวิธีคิดเหล่านี้มันได้มาจากการเรียนอินทีเรียด้วยไหม ?
คิดว่าเกี่ยวนะคะ มันมีอยู่คำนึงของอาจารย์ฝ้ายในมหาลัย เค้าบอกว่า ‘ก่อนที่จะเรียนศิลปะ ก็ต้องเรียนการใช้ชีวิตก่อน’ ก็สอนให้เราใช้ชีวิต สอนให้เราคิดโดยไม่รู้ตัว
มาสู่พาร์ตการร้องเพลงบ้าง ก่อนมาอยู่ Boxx ฝ้ายทำอะไรมาก่อน ?
เมื่อก่อนฝ้ายเคยเป็นศิลปินอยู่ในค่ายนึงค่ะ แต่พอหมดสัญญาเราก็ใช้ชีวิตของเรามาเรื่อยๆ จนพี่ที่ Boxx ชวนเข้ามาคุยที่นี่
ความรู้สึกตอนเข้ามาบ็อกซ์ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง?
รู้สึกว่าทุกคนดูเป็นครอบครัวมากเลย รู้สึกว่าเราอุ่นใจ สบายใจก็เลยเลือกที่จะอยู่ที่นี่ ส่วนนึงฝ้ายรู้สึกว่าถ้าเราร้องเพลงโดยที่เราเป็นธุรกิจจนเกินไป เราจะไม่มีความสุข แล้วเราอยากหาความสุขจากตรงนี้ด้วย ฝ้ายเชื่อว่าการทำเพลงกับคนที่มี passion มันจะทำให้งานออกมาดี และการที่มีทีมงานที่ดีมันคือจุดเริ่มต้นและจุดหลักเลยที่จะทำให้ทุกอย่างมันโตไปด้วยกันได้ มันไม่เหมือนคนที่มาทำงานออฟฟิศไปวันๆ แล้วไม่มีความสุข ซึ่งฝ้ายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
ฝ้ายชอบฟังเพลงแบบไหน ?
โฟล์ก แจ๊ส อิเล็กทรอนิกส์ นิดหน่อย ซึ่งก็คือไดเรคชันของแนวเพลงที่ฝ้ายกำลังจะทำออกมา เป็นอินดี้ไฟล์ก อิเล็กทรอนิกส์ เน้นกีต้าไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะฝ้ายเชื่อว่าตัวตนของเรา เพลงที่เราร้องออกมามันต้องมีรากเหง้ามาจากสิ่งที่ชอบด้วยเราถึงจะทำมันออกมาได้ดี
เล่าถึงซิงเกิลนี้ให้ฟังหน่อย ?
ซิงเกิลนี้ชื่อว่า บอกฉันก่อน (sign) เป็นเพลงที่ทำกับพี่พล พี่ยักษ์ พี่ปอย และได้พี่รัฐ tattoo color เป็นโปรดิวเซอร์ให้ค่ะ เพลงก็จะออกมาเป็นอินดี้โฟล์ก อิเล็กทรอนิกส์ เป็นเรื่องราวความรักเหมือนกับเราบอกคนรักของเราว่า ถ้าเกิดรู้สึกไม่ดี รู้สึกเปลี่ยนไป หรือรู้สึกไม่รักเราแล้วช่วยบอกฉันก่อนเถอะ ไม่เป็นไร ฉันทนความเศร้าไหว จะยังไงก็พูดมา ดนตรีก็ไม่ได้ออกเศร้า เป็นจังหวะมีเดียม
ทำไมโปรดิวเซอร์เพลงนี้ถึงต้องเป็นรัฐ (รัฐ พิฆาตไพรี) Tattoo color ?
ก่อนหน้านี้ผ่านการทำงานกับทีมมาแล้วแต่ทุกคนก็ยังเห็นตรงกันว่ายังไม่ลงตัว บวกกับไหนๆ ฝ้ายเองก็ชอบเพลงที่ได้กลิ่นอายความวินเทจแล้ว ทางทีมก็เลยนึกถึงพี่รัฐขึ้นมาค่ะ เพราะเป็นทางพี่เค้าเลย เราก็ดีใจที่ได้พี่เค้ามาช่วยเพราะพี่เค้าเก่งมากๆ ส่วนเนื้อเพลงได้พี่บิว เลม่อนซุปเป็นคนช่วยเขียนให้
จากคนที่เคยอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หน้ากระดาษในพาร์ตอินทีเรีย พอมาร้องเพลงแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ดีค่ะ ไม่เมื่อย (หัวเราะ) เราสนุกค่ะ เราเป็นคนมีหลายพาร์ตแต่เราเต็มที่ทุกพาร์ตที่เราทำ เราสนุกกับทุกอย่าง เราได้เปลี่ยนบรรยากาศ แล้วการร้องเพลงเป็นอีกอย่างที่เราอยากทำด้วยมันเลยสนุกอยู่แล้ว
วิธีคิดของการทำอินทีเรียมันนำมาประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงได้ไหม?
นำมาใช้ได้เลยค่ะ ฝ้ายรู้สึกว่าเนื้อหาเพลงที่ฝ้ายชอบมันไม่ใช่การพูดชัดเจนแล้วเข้าใจเลย ส่วนใหญ่เราจะเหมือนคนที่มีความคิดที่ซับซ้อน จนบางครั้งคนจะบอกว่าคิดเยอะไป ให้พูดเลยตรงๆ ซึ่งจริงๆ มันก็คือนิสัยส่วนตัวฝ้าย เราเป็นคนคิดเยอะ ซับซ้อนๆหน่อย อาจจะไม่ได้พูดตรงมาก
ไลฟ์สไตล์ปกติของฝ้าย เวลาว่างชอบทำอะไรบ้าง?
ตอนนี้ฝ้ายมีลงคอร์สเต้นสวิงแดนซ์ไปค่ะ เป็นกิจกรรมใหม่ที่ตอนนี้กำลังสนุกกับมันมาก จริงๆ ฝ้ายเป็นคนชอบหาอะไรทำเรื่อยๆ ไม่ชอบให้ตัวเองว่างเท่าไหร่ แต่ถ้าเหนื่อยจริงๆ ก็จะอยู่บ้านเล่นกันหมา ชอบเพนต์ โดยเฉพาะสีน้ำ เพราะมันช่วยให้เราใจเย็น มันทำให้เราต้องคิดก่อนทำ ต้องมีการวางแผนก่อน มันช่วยฝึกตัวเองให้ใจเย็นได้ดีค่ะ
ขอบคุณสถานที่ The Warehouse 30
***